วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ถ้าโลกนีี้มีเสียงดนตรี
มีจังหวะ,มีภาพประกอบ
แต่คนไม่รู้จักการขยับ
การเต้นเลย

จะเป็นอย่างไรน่ะ

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ละครไทย. ..
สงใสมานานแล้วว่าทำไมละคร
ไทยหลังข่าวถึง ถ่ายถอดเรื่อง
เนื้อหาออกมาได้ เหมือนๆเดิม
เหมือนเดิมคือ ตามล่าหาเพชร
คุณหญิงร้ายคนชายโง่ นี้และ
บางเนื้อหาก็มีการฆ่าฟัน ยิง!!
ยิงกัน ระยะที่เด็กดูยังหัวเราะ
ไม่เคยโดนแล้วกระโดดหนีไป
พระเอกต้องยิงแม่น โจรมีปืน
แบบยิงออโต้ แต่พระเอกยิงไป
นัดเดียวโจรตาย . . .
ผมว่าละครไทยในด้านหนึ่ง
ทำให้คนที่ดู คนไทยทั้งหลาย
เด็กๆ ที่พอรู้เรื่อง ต้องจดจำ
กับเนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดจาก
ผู้กำกับดังๆ จากหลายๆช่อง
บางทีจุดนี้อาจจะทำให้คนไทย
คิดแบบเดิมๆ เหมือนเห็นอะไร
เดิมๆ ดูซ่ำๆ มันก็จำแบบนั้นไป
ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดหรือ
ปล่อยสิ่งใหม่ๆ ให้คนได้เห็น
แล้วเข้าใจกันมากขึ้น

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Tranformers
ดูหนังเรื่องนี้ทีไรก็อดคิดไม่ได้ว่า จินตนาการของคนเรามีมาก
เหลือเกิน จากเมื่อก่อนเป็นแค่การ์ตูนภาพสองมิติ จนปัจจุบัน
กลายเป็นภาพยนตร์ ที่มีความสมจริงจนเราอาจจะแยกไม่ออก
ว่าอันจริงอันปลอม
หลังจากดูๆ ไป ก็คิดในใจว่าตอนที่หุ่นยนต์ถูกเรียกแล้วตกลง
จากฟ้ามาบนโลก แล้วไอ้พวกหุ่นเนี่ยมันต้องแปลงร่างกลาย
เป็นสิ่งเรียนแบบของบนโลกมนุษย์ แล้วตามหนังที่ได้เกห็นๆ
หุ่นก็มีการเรียนแบบรถยนต์ ยี่ห้อดังของประเทศผู้สร้าง นั้น
ก็เป็นการโฆษณาขายของตามหนัง
ก็เลยคิดได้ว่าถ้าไอ้หุ่นที่ตกลงมาเนี่ย ตกลงมาในประเทศไทย
มันคงแปลกดีและคนเท่ไปอีกแบบ
เมย์เขียวแปลงกลายได้. . .

ถ้าหุ่นที่ตกลงมาเจอสามล้อเมืองไทย,รถขนดิน,หรือเจอรถเมย์แดง
คงเจ๋งมากๆ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความเก่งของคนพิการ( ตามข้างทาง )
ตามท้องถนนบ้านเรานี้มีอะไรน่าจดจำมากมาย ทั้งฟุตบาทที่บางช่วง
ของเต็มไปด้วยร้านค้า มากซ่ะจน จากเดินสามคนสวนทางกันแล้ว
ไม่ชนกัน ต้องเหลือแค่สองเดินสวนกันแบบเบียดๆ และยังมีเรื่องเล็กๆ
อีกมาก ทั้งมีถังขยะแต่กองๆ ไว้ด้านข้างและคนพิการที่มานั้งขอทาน
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ ความเก่งของคนพิการยังไงว่ะ. . . .
เห็นคนพิการมานั้งขอทานด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ เลยคิดว่าทำไม
ถึงมานั้งขอแบบนี้ แล้วทำไมคนรอบๆ ข้าง (ครอบครัว) ของคนพวกนี้
ไปไหนหมด แล้วทำไมไม่ไปตามศูนย์ช่วยเหลือ และ ทำไมถึงต้องมีเด็ก
และหมามานั้งอยู่ อาจจะใช้ความน่าสงสารเด็กและความน่ารักของหมามา
ช่วยให้คนควักเศษเหรียญออกมาซิน่ะ แต่บางที หมาก็อาจจะแก่ไปหน่อย
เด็กก็รู้เรื่องเรื่องราว จนบอกว่าขอเงินเองได้ ซ่ะงั้น . . . ก็คิดพวกนี้ๆ เรื่อยๆ
ว่าเออบางทีพวกนี้ก็เก่งในเรื่องที่เค้่าทำ กันอยู่ๆ เรียกว่า มืออาชีพ
เลยทีเดียว และก็คิดได้ว่าทำไมคนตาบอดถึงต้องมาขายพวงมาลัย?
นั้นดิ. . . .
คนตาบอดถูกพาเดินไปตามทางเดินตามถนนที่รถเยอะ โดยไอ้คนพาเดิน
ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน เป็นญาติรึป่าว หรือเป็นคนที่ต้องการหาอาชีพ
ให้คนตาบอดโดยพามาขายพวงมาลัย แต่ที่เห็น ๆ คงจะตอบว่าคนพิการ
ที่กล่าวๆ มาตอนแรกๆ นั้นโดนบังคับมา โดนจับมา แบบนี้มันน่าที่จะเบื่อพูด
เบื่อที่พิมพ์ เพราะถ้าโดนบังคับมาคงไม่มานั้งหรือเดินขายแบบนี้หรอกหรือ
อาจจะเค้าอาจจะจำเป็น ที่ต้องทำแบบนี้ก็อาจจะมีเหมือนกัน แต่ที่สังเกตุ ดีๆ
และมองอีกมุมหนึ่งพวกนี้ก็เก่งน่ะ . . .

เก่งไง. .
เพลงไหนฮิตหรืออัลบั้มไหนออกมาใหม่ๆ อีกไม่นานก็จะมาและ
เดินมาร้องไป ถือกระป๋อง ตาม JJ หรือไม่ก็ยืนด้านข้างถนน แล้วร้อง
ได้ตรงเปะตามเนื้อตามจังหวะ และบางคนก็เสียงดีด้วย ที่สำคัญอายุ
ก็มิใช้น้อยแต่ยังร้องได้ดี และพวกความเก่งของพวกที่เดินหรือนั้ง
ตามถนนนี้ก็สุดๆ เพราะนั้งก้มหน้าได้ ทั้งวันอึดมาก บางคน
อาจจะไม่พิการจริง ต้องหาผ้ามาคลุมหรือมัดแขนขาไว้ทั้งตัวเพื่อ
จะให้เหมือนจริงอาจจะแขนโผล่บ้างไม่ว่ากัน ถือว่าพยายามและ
บางทีความสงสารของคนไทยคิดว่า เมื่อเราทำบุญเพราะการให้ทาน
(บริจาค) แล้วจะทำให้เราสบาย ในอนาคตหรือขอให้ๆ คนที่ใส่ทานให้
ต้องหลุดพ้นออกมาจากการที่ต้องมานั้งอยู่ ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว
มันก็เหมือนเราให้รายได้เค้าและเค้าก็กลับมานั้งทีเดิมเวลาเดิม
เพราะคิดว่ามันสบายทนนั้ง ทั้งวันก็ได้ เงินได้เยอะด้วย ต่อเดือนมาก
กว่าคนทำงานธนาคารบางคนซ่ะอีก และเมื่อได้เยอะมาก ก็หาของมาเพิ่ม
มูลค่าให้้การบริจาคมากขึ้น หมาแก่ๆ เขียนป้าย ไม้เท่าบ้าง เด็กที่นั้งบอก
ของเงินได้บ้าง หรือหาคนแก่ มานั้งทั้งๆ ตัวแกมีกลิ่นน้ำหอม
เรื่องที่จริงก็เป็นเรื่องคนเห็นๆ ทั่วๆไป มีการออกสื่อต่างๆ ว่าอย่าให้เพราะ
จะยิ่งส่งเสริม และทำให้คน ที่ไม่มีอะไรทำในสังคมหันมาทำกันมากขึ้น
ตัวผมเองก็สนับสนุนน่ะ แต่แค่ลองมองในมุมที่คนพวกนี้ เค้าทำกันมีอุปกรณ์
เรื่องความอดทน ซึ่งก็เก่งมากๆ ต่อไป เห็นคนขอทานก็ลองคิดก่อนว่าเรา
อยากใส่ หรือให้เราเพราะอะไร บุญได้จริงหรือ ทำให้เค้าและสบายจิงหรือ . . . .
ที่ทำให้สบายไม่ใช้ตัวเองหรอกหรือที่ต้องขยัน

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ลืม . . .
เคยไหมเวลาเรารีบที่จะทำอะไรสักอย่างและเมื่อเรารีบมากๆ ของ
ที่เราหยิบไปด้วยหรือทำอะไรไว้จะลืมไปอย่างไว ไว มากโดยเฉพาะ
เราต้องรีบไปส่งงานหรือออกไปเรียนที่ต้องรีบมากๆ สิ่งที่ทำไว้แรกๆ
จะลืมไปโดยเหนือนกับว่ามันผ่านไปไว โดยที่ตัวเองยังจำไม่ได้เลย
แปลกดีเนอะ. . .

เมื่อเช้าต้องรีบไปส่งงานซึ่งออกไปปริ้นที่ร้านตามปกติโดยทุกครั้ง
จะต้องเอาสมุดจดไปด้วยเพื่อต้องทำหรือเปลี่ยนรูปแบบงานให้ซึ่ง
เมื่อเช้าเป็นเช้าที่เหมือนๆ เดิมโดยที่รีบตื่นและออกไปปริ้นงาน
ซึ่งถามว่าสติและสมาธิมีไหม ตอบได้ว่ามีเพราะต้องทำงานงาน
จนดึกและคิดไว้เลยว่าตื่นกี่โมงและกำหนดตาราง ไว้เลยว่าจะต้อง
ตื่นเช้าและไปปริ้นโดยกำหนดไว้หมด เมื่อออกไปปริ้นและรอเพื่อ
จะจ่ายตังและกลับมาถึงห้องพักเพื่อทำงานเพือ่อีกนิด และเตรียมตัว
ที่จะออกไปเรียนก็มารู้ตัวว่าสมุดคู่กาย ไม่อยู่และเมื่อเราหยุดและ
เอาสมองลองนึกถึงเหตุการที่ผ่านมา แวบ . . . ในสมองมันเห็นภาพ
เหมือนฉากมืด ๆ ลาง ๆ ที่เปลี่ยนไปอย่างไว ในใจคิด ' อะไร ว่ะ
เมื่อกี่. . . . GU ยังหยิบๆ มันมาเลยนี่หว่า ยังเปิดๆ ดู '' ซึ่งตนเอง
ก็รู้ว่ามันอยู่ด้วยแต่ มาแวบอีกทีก็เหมือนรู้สึกตัวอีกที่ว่าเสร็จงาน
และหาไม่เจอ . .. . . แปลกดีเหมือนกันซึ่งมาเจอตอนหลังเพื่อน
ออฟเอามาให้แล้วบอกว่า ลืมไว้ที่ร้านนั้นและแต่ไปไม่นใจเอง


อย่างนี้หรือที่เค้าบอกว่าเราสนใจสิ่งใดมากๆ จะลืมสิ่งที่ทำอยู่ไป
ชั่วคณะ เหมือนกับโรคหูดับรึป่าว เมื่อเราเพ่งไปสมาธิไปงานหรือ
สิ่งที่กำลังรีบเร่งก็ จะลืมๆ สิ่งที่ไม่สำคัญหรือสิ่งที่เราไม่ให้ความสนใจ
. . . . .. . . . .

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แล้วแต่??

" ชุดนี้ดูเป็นไง . . . .
" แล้วแต่เลย. . . .

" ไปไหนดีๆ . ..
" แล้วแต่แก. . .เลย

"กินข้าวร้านนี้ป่าวว่ะ. . .
"แล้วแต่เลย . . .

อยากรู้จริงๆ ว่าไิอ้คำว่า " แล้วแต่ " มันเกิดขึ้นมาได้ไง
บางครั้งคนก็ทะเลาะกันเพราะไอ้คำว่าแล้วแต่นี้และอย่าง
แฟนที่จะไปกินข้าวหรือไปเดินเที่ยวกัน แฟนถามอยากไปไหน
ผุ้ชายบอกอยากไปห้างผู้หญิงก็แล้วแต่ . . พอไปผู้เกิดบอกว่ามาบ่อย
แล้วก็งอนๆ เงียบๆ เบื่อไอ้ผู้ชายก็เดินเที่ยวไม่สนุกเพราะในใจคิดว่าทำไม
ตอนแรกไม่บอกเลยว่าอยากไปไหนจะได้ไปกัน บอกคำว่าแล้วแต่ . . . แล้วพอมา
ก็ไม่พอใจ ทำงานเป็นทีมคำตอบว่าจะเลือกสไตล์งานแบบไหนหรือออกความคิดเห็น
ไอ้คำว่า "แล้วแต่" เนี่ยบางทีมันทำให้หงุดหงิดบ้างเหมือนกันเพราะไม่กล้าตัดสินใจให้
เด็ดขาดไปเลยว่าชอบงานสไตล์นี้อยากปรับปรุงตรงไหนบางทีทำงานไปแล้ว
อยากเอาของตัวเองเป็นหลักโดยตอนแรกบอกว่า "ทำได้. . .แล้วแต่เลย"
พอทำไปไม่ชอบก็ไปนินทา บอกว่าไม่เจ๋งเรียนแบบบ้าง แล้วทำไมตอนแรกไม่บอก
ว่าอยากทำแบบไหนจะได้ช่วยแชร์ความคิดกัน

"คนไทยมีอิสระในการใช้ภาษา แต่ภาษาที่ใช้บางทีมันก็คลุมเคลือเหมือนกับว่า ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
ต้องคอยตามคนอื่นตลอด แล้วมาว่าทีหลัง "






วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552


น้ำแข็ง.. ในตู้

ทุกๆ  คนคงเคยเห็นน้ำแข็งที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกบางๆ ที่แช่อยู่ตามร้านค้าทั่วไป
โดยถุงน้ำแข็งมักจะถูกแช่แออัดอยู่ในช่องแคบๆ และบางถุงก็เกิดการฉีกขาดได้แม้
ว่าถุงที่บรรจุน้ำแข็งจะมีวคามยืดหยุ่น แต่รูปทรงของก้อนน้ำแข็งเมื่อวางถุงทับๆ กัน
จนเต็มตู้และหลังจากนั้นกว่าจะมีคนมาซื้อก็จะมีเกล็ดน้ำแข็งมาเกาะ ทำให้เราคนซื้อ
ดึงออกลำบาก


ทำไม น้ำแข็ง ที่อยู่ในถุงต้องเป็นทรงก้อน ? เพราะอะไรว่ะ . . . .

เคยคิดว่าถ้าเราเปลี่ยนรูปของก้อนน้ำแข็งที่ถูกบรรจุในถุง ให้มีรูปทรงที่สามารถ
ประหยัดเนื้อที่ของช่องแช่เย็นได้และยังทำให้ถุงที่วางทับๆ ซ้อนๆ กันไม่ขาดแม้่
ว่าถุงจะวางซ้อนกันมามากแค่ไหน  เพราะรูปทรงก้อนน้ำแข็ง

ถ้าน้ำแข็งไม่เป็นทรงก้อนล่ะ   . . . . ?

คงจะดีนะถ้าน้ำแข็งที่ขายกันถุงล่ะไม่ถึง 10 บาท และเรายังได้ดูของกินที่สามารถ
เป็นสิ่งที่ประดับแก้วได้อีก เหมือนที่คนต่างชาติเค้าคิดทำบล็อคแช่น้ำแข็งเป็นรูป
แปดเหลี่ยมและอื่นๆ เราอาจจะออกแบบให้มันเป็นรูปทรงแท่งเรียว ขนาดพอเหมาะ
ที่จะไม่หักและดูสวยงาม หรือทรงไข่หรือแล้วแต่จะคิดออกแบบได้เพื่อความสวยงาม
และประหยัดเนื้อที่ในการวางสินค้าได้ดี  . . . . .